สวัสดีครับวันนี้ก็จะขอเขียนแนวความคิดของผม เป็นแนวความคิดสำหรับตัวผมเองนะคับ บางทีอาจจะไม่ตรงกับแนวคิดของคนอื่น แต่ก็ไม่เป็นไรนะคับถือว่าเรามีความคิดกันคนละแบบ แต่ทุกอย่างมันเดินไปได้ด้วยกัน  แค่ความคิดเห็นเราอาจจะไม่ตรงกันครับ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน เพราะจะให้แนวคิดหรือความคิดของทุกคนตรงกันหมดก็คงเป็นไปไม่ได้  เนื่องจากช่วงนี้ ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์  มีนาคม เมษายน จนถึงในขณะนี้คือพฤษภาคน เจ้าโรคร้าย covid-19 ได้ระบาดหนักไปทั่วโลก ไม่เว้นประเทศไทยก็โดนเล่นงานด้วย เห็นว่าตอนนี้ติดเชื้อไปหลายพันคนแล้ว และก็เสียชีวิตก็หลายคนเหมือนกัน เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรคนี้ รัฐบาลก็ประกาศให้ทุกคนอยู่บ้าน ไม่ให้ออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น  และแน่นอนว่าโรคนี้มีผลต่อระบบหลายๆระบบ โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย มีการปิดประเทศห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าออก-ออก ทั่งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเป็นการหยุดการแพร่ระบาดของโรค covid-19 และแน่นอนครับ ระบบการศึกษาก็มีผลกระทบด้วย  เพราะโรงเรียนและภาคมหาลัยต่างๆก็ต้องหยุดการเรียนการสอน เพราะจะให้นักเรียนนักศึกษาไปนั่งเรียนตามปกติ ก็คงไม่ได้แล้ว เพราะเสี่ยงต่อการติดโรคร้ายนี้เป็นอย่างมาก  ฉะนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำได้ ในตอนนี้ก็คือ การเรียนการสอนออนไลน์    ใช่ครับฟังไม่ผิดครับหนทางเดียวและดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการเรียนการสอนแบบออนไลน์  เพราะด้วยเทคโนโลยีในขณะนี้ ทำได้แน่นอนครับ  แต่อาจจะทำได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ บอกเลยว่าทำได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะพื้นที่ในชนบท ในเรื่องของอินเตอร์เน็ตและความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ต่างๆ ไม่พร้อมแน่นอน แต่ในส่วนของภาคมหาลัยและโรงเรียนนักเรียนที่เรียนอยู่ในเมือง ผมกล้าพูดเต็มปากเลยครับว่าทำได้ครับ  เพราะเขามีความพร้อมอยู่แล้ว ในฐานนะที่ผมเป็นครูและสอนนักเรียนในกรุงเทพ นักเรียนร้อยเปอร์เซ็นต์มีโทรศัพท์มือถือ และเป็นเป็นมือถือพวกสมาร์ทโฟนนะคับ บางคนใช้เครื่่องแพงกว่าครูอีก ฉะนั้นโรงเรียนในเมืองการเรียนการสอนออนไลน์นี้ผมเห็นว่าทำได้ แน่นอนคับ แต่อาจจะมีไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ยังไม่พร้อมเพราะอาจจะมีปัญหาบ้าง เพราะยังไงการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่ดีก็ต้องใช้เงิน  และช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ลำบากทางการเงิน เพราะโรงงานปิด บริษัทปิดปัญหาพวกนี้ก็อาาจทำให้บางคนไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้  แต่ส่วนใหญ่มากว่าร้อยละ 90 น่าจะทำได้ครับ  เอาละ การเรียนการสอนออนไลน์นั้น จำเป็นต้องใช้และต้องทำ โดยเฉพาะครูอาจารย์ ผมบอกเลยว่า ห้ามมีการปฎิเสธ เด็ดขาด คุณเป็นครูเป็นคนที่อยู่ในวงการนี้โดยตรง จะมาบอกว่าผมทำไม่เป็น ดิฉันทำไม่ได้  คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคับ  เพราะทำไมนั้นเหรอ 

1.คุณเป็นครูไม่ว่าสถานการณ์ของโลกนี้จะเป็นอย่างไร การสอนของคุณควรปรับเปลี่ยนไปตามสถานการให้ได้  ไม่ว่าต้องสอนกันในน้ำ คุณก็ต้องทำให้ได้ เพราะคุณครู คุณรับเงินเดือนภาษีประชาชน ต้องมีการปรับเปลี่ยนเรียนรู้จะมานั่งทำเป็นเฉย ไม่ลงมือทำอะไรเลย  ไม่ได้เด็ดขาด

2. เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารตอนนี้ มันก้าวข้ามมาไกลแล้ว อีเมล์ที่ว่าทันสมัยตอนนี้ยังตกชั้นไปแล้ว แค่หยิบโทรศัพท์ face time กันไม่ถึงนาทีก็คุยกันรู้เรื่อง ไม่จำเป็นต้องมานั่งพิมพ์เมล์และกดส่งแล้ว   แพลตฟอร์มที่ยิ่งใหญ่อย่าง youtube   facebook google  เครืองมือต่างๆนาๆเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ชั้นดีที่สามารถทำให้ คนเป็นครูอาจาย์ใช้เป็นสะพานในการติดต่อสื่อสารและสอนแบบออนไลน์ได้สบาย  แต่ต้องมีการเรียนรู้สักหน่อย และต้องลงมือทำจริงๆ อันนี้ต้องลองทำเองจริงๆ   ว่าไปแล้วการเรียนการการสอนออนไลน์ไม่ต่างกับการดูหนังใน youtube เลย แค่เปลี่ยนจากหนังบันเทิง เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความรู้วิชาการ  จริงๆจะว่าไปแล้วเราก็เรียนออนไลน์ตลอดเวลานั้นแหละ ลองเปลี่ยนจากการดูช่องบันเทิง  ไปเป็นการดูช่องวิชาการสิ  เห็นไหมนั้นแหละคือการเรียนการสอนออนไลน์ ไม่มีอะไรยุ่งยากและซับซ้อนเลย  บางคนคิดมากเองว่าต้องอย่างนี้อย่างโน้น จริงๆแล้วเราก็ทำกันอยู่ทุกวันนั่นแหละ แค่เปลี่ยน content ในการับชมก็เท่านั้นเอง

3. โลกมันเดินทาง มาไกลมาก ถ้าครูอาจารย์คนไหนไม่มีตัวตนอยู่ใน social media และทำตัวเองเหมือนร้อยกว่าปีที่แล้วก็คงไม่ได้ เพราะเราจะสอนนักเรียนของเราเหมือนกับที่เราเคยได้รับการสอนจากครูของเราเหมือนกับสิบปีที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ มันไม่ทันกินแล้ว โลกมันหมุนเร็ว เราในฐานะที่ครูเป็นคนสอนคนควรก้าวให้เร็วกว่าโลกอย่างน้อยหนึ่งก้าว คุณจะมาใช้ความแก่ของคุณมาเป็นข้ออ้างไม่ได้ อ้างว่าพี่แก่แล้ว  ลุงแก่แล้วน้องๆทำไปเถอะ ทำเผื่อพี่ด้วย  ไม่ได้แล้ว เพราะเป็นการเอารัดเอาเปรียบคนที่คุณสอนเป็นอย่างมาก จึงจะต้องทำให้ตัวเองนั้นมีความทันต่อโลกตลอดเวลา และใช้พวก social media ให้มันเป็นประโยชน์ต่อการสอน มากกว่าที่จะเล่นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

4. เทรนด์ของโลกทุกวันนี้ จะเห็นว่าทุกอย่างที่มีอยู่บนโลกนี้จะถูกบรรจุให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์ ใครจะคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้เรียก แท็กซี เรียกวิน ผ่านอินเตอร์เน็ตได้  แล้วการศึกษาจะให้น้อยหน้าระบบอื่นได้อย่างไร เราก็ต้องไม่น้อยหน้าเขา ต้องทำให้มันระบบยิ่งขึ้น ต่อไปผมคิดว่าทุกโรงเรียนควรมีระบบที่เป็นระบบที่เรียกว่าระบบคลังความรู้เป็นของตัวเอง เมื่อนักเรียน เรียนไม่ทันในห้อง โรงเรียนควรมีคลังความรู้ที่เป็นของตัวเอง เน้นย้ำเป็นของตัวเอง ไม่ไปก็อปของคนอื่นมา เตรียมไว้ให้นักเรียนเหล่านั้นได้เติมเต็มความรู้ที่ขาดให้หายไปได้   

     เอาหละครับในความคิดของผมคิดว่าการเรียนการสอนออนไลน์จำเป็นต้องทำครับ แต่ในระยะแรกอาจจะมีปัญหาบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการเริ่มต้นทำงานใหม่  ซึ่งปัญหามันแก้ได้อยู่แล้ว และครูทุกคนจำเป็นต้องปรับตัวเอาความรู้ความรู้ที่ตัวเองมีอยู่โยนลงไปใน youtube หรือแพลตฟอร์มอื่นที่เป็นเป็นออนไลน์เพื่อให้นักเรียนได้เรียน  อย่างที่ผมบอกและครับแค่เปลี่ยนวิธีการคิดใหม่  การเรียนออนไลน์ก็เหมือนกับการดูหนังใน youtube เปลี่ยนจากการดูช่องหนังไปดูช่องวิชาการแทน ก็แค่นั้นเอง และครูก็ทำตัวเป็น youtuber ค่อยอัพโหลดหนังวิชาการให้นักเรียนได้ดูกันอย่างสนุกสนาน เท่านี้แหละครับ ถ้าทำได้การเรียนการสอนออนไลน์ก็จะเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย จะไม่เป็นที่ยุ่งยากอีกต่อไป นี่คือความคิดของผมนะคับ อาจจะไม่ตรงกับความคิดเห็นของคนอื่นๆหลายๆคน ซึ่งปัญหามีแน่นอนแต่เราจะมองเอาที่ตัวปัญหางานของเราก็จะไม่เดิน พยายามตัดปัญหาทิ้่งไปบ้าง และมองที่ตัวประโยชน์ที่มีอยู่ท่ามกลางปัญหามากมาย งานของเราก็จะค่อยๆเดิน สุดท้ายปัญหาที่มีอยู่ก็จะถูกสิ่งที่เราทำนั่นแหละกลบและค่อยๆจางหายไปเองครับ ผมคิดอย่างนั้น ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายที่ผม ยังไม่ได้เล่า....แต่...ผมบอกใบ้ให้นิดหนึ่งเรื่องการสอนลักษณะคล้ายๆกันนี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเคยทำมาแล้วคล้ายกันเลยครับ คือโครงศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมโรงเรียนวังไกลกังวล(ชื่อโครงการอาจผิดเพราะนานแล้วผมจำไม่ค่อยได้แล้ว)