• concept ความน่าจะเป็น ม.3

    ก่อนที่เราจะทำอะไร ก่อนที่เราจะเรียนรู้อะไรสักอย่างหนึ่งเราต้องมีการศึกษา ทำความรู้จักกับสิ่งที่เราจะ

    เรียนว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง หลักๆที่เราต้องรู้มีอะไรบ้าง มีอะไรบ้างที่เราจำเป็นต้องรู้ ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับความหมาย และองค์ประกอบอื่นๆของความน่าจะเป็นกันว่า มีอะไรบ้าง......... ก่อนที่เราจะลงลึกหัดทำโจทย์ปัญหา

  • การทำโจทย์เกี่ยวกับความน่าจะเป็น

    วันนี้เดี๋ยวจะพาทำโจทย์เกี่ยวกับเรื่องความน่าจะเป็นแบบ step by step เลยครับ เรื่องความน่าจะเป็นม.3 เนื

    ยะจะเป็นพื้นฐานของความน่าจะเป็นในตอนมอปลายซึ่งเราจะต้องศึกษากันอีกที ในตอนมอปลาย ดังนั้น พลาดไม่ได้เราต้องเข้าใจพื้นฐานมันก่อน ว่ามาจากไหนยังไง ครับ เดี๋ยววันนี้จะพาทำโจทย์และอธิบายที่มาที่ไปของคำตอบว่ามาจากไหนครับ

  • ฝึกทำโจทย์ความน่าจะเป็น ม.5

    วันนี้มาฝึกทำโจทย์ความน่าจะเป็น ม.5  คณิตศาสตร์พื้นฐานผมจะเฉลยให้ดูบางข้อสำหรับคนที่เรียนในห้องเรียนไม่ทันหรือไม่มีเงินเรียนพิเศษ ค่อยๆอ่านทำความเข้าใจครับ ไม่ยากมากครับ

    1. ในการจับสลากชื่อของนักเรียน 30 คน ซึ่งเป็นชาย 18 คน หญิง 12 คน จงหาความน่าจะเป็นในการที่จับสลากใบแรกได้

    1) นักเรียนชาย

    2) นักเรียนหญิง

    วิธีทำ ข้อนี้ไม่ยากครับแน่นอนครับจากสูตรในการหาค่าความน่าจะเป็นคือ

    \[P(E)=\frac{n(E)}{n(S)}\]

    n(S)   ในที่นี้ก็คือจำนวนนักเรียนทั้งหมดดังนั้น   \(n(S)=30\)    

    โจทย์บอกว่าจงหาความน่าจะเป็นในการที่จับสลากใบแรกได้นักเรียนชาย จากตรงนี้เราจะได้ว่า  \(n(E)=18\)   เพราะนักเรียนชายมี 18 คน ดังนั้น

    ความน่าจะเป็นที่จะจับสลากใบแรกได้ชื่อนักเรียนชายคือ  \(\frac{18}{30}=\frac{3}{5}\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะจับสลากใบแรกแล้วได้ชื่อนักเรียนหญิงก็คือ \(\frac{12}{30}=\frac{2}{5}\)


    2. ในลิ้นชักมีถุงเท้าอยู่ 4 คู่ เป็นถุงเท้าสีดำ 2 คู่ และสีขาว 2 คู่ ถ้าทำการทดลองสุ่มโดยหยิบถุงเท้ามา 2 คู่ ให้หาความน่าจะเป็นที่จะได้ถุงเท้าทั้งสองคู่เป็นสีเดียวกัน

    วิธีทำ ข้อนี้ระวังการหาค่าของ \(n(S)\)  ครับ ข้อนี้ผมจะพยายามไม่ใช้สูตรในการหา \(n(S)\)  นะครับเพื่อการเห็นภาพที่ชัดเจน    ผมจะกำหนดให้

    ด1  คือ ถุงเท้าสีดำคู่ที่ 1

    ด2   คือ ถุงเท้าสีดำคู่ที่ 2

    ข1   คือ ถุงเท้าสีขาวคู่ที่ 1

    ข2   คือ ถุงเท้าสีขาวคู่ที่ 2

    เราก็จะได้ถุงเท้าพวกนี้อยู่ในลิ้นชักเดียวกัน

    ด1,ด2, ข1,  ข2     

    แล้วโจทย์บอกว่าสุ่มหยิบถุงเท้ามา 2 คู่ ดังนั้น เราจะได้จำนวนวิธีในการสุ่มหยิบทั้งหมดคือ

    {(ด1ด2),(ด1ข1),(ด1ข2),(ด2ข1),(ด2ข2),(ข1ข2)}

    ก็จะได้ว่า  \(n(S)=6\)

    และอีกอย่าที่เราได้คือสุ่มหยิบแล้วได้ถุงเท้าสีเดียวกันคือ

    {(ด1ด2),(ข1ข2)}

    ก็จะได้ว่า  \(n(E)=2\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่สุ่มหยิบถุงเท้าแล้วได้ถุงเท้าสีเดียวกันเท่ากับ

    \[P(E)=\frac{2}{6}=\frac{1}{3}\]

    ไม่ยากนะครับถ้าใครมองภาพออกข้อนี้ทำง่ายนิดเดียวเอง


    3.ในกล่องใบหนึ่งมีเบี้ย 6 อัน ซึ่งแต่ละอันเขียนตัวเลข 3,4,7,9,10  หรือ 11 ไว้ถ้าสุ่มหยิบเบี้ย 1 อัน ออกมาจากกล่องใบนี้ จงหาโอกาสที่จะได้เบี้ยที่มีตัวเลขที่เป็น

    1) จำนวนคู่

    2) จำนวนเฉพาะ

    3) จำนวนที่หารด้วย 3 ลงตัว

    4) จำนวนที่เป็นกำลังสองสมบูรณ์

    วิธีทำ ข้อนี้ง่ายครับโจทย์บอกว่ามีเบี้ย 6 อันซึ่งแต่ละอันมีตัวเลขกำกับไว้สุ่มหยิบเบี้อออก 1 อันดังนัันแซมเปิลสเปสหรือ S  ก็คือ

    \(\{3,4,7,9,10,11\}\)    ซึ่ง     \(n(S)=6\)

    ต่อไปทำหาคำตอบทีละข้อย่อยนะครับ

    1) จงหาโอกาสที่จะหยิบได้เบี้ยเป็นจำนวนคู่

    แสดงว่าเหตูการณ์ที่เราสนใจคือหยิบเบี้ยได้จำนวนคู่ก็คือ

    \(E=\{4,10\}\)    ซึ่ง    \(n(E)=2\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะหยิบได้เบี้ยเป็นจำนวนคู่คือ

    \(P(E)=\frac{n(E)}{n(S)}=\frac{2}{6}=\frac{1}{3}\)

    2) จงหาโอกาสที่จะหยิบได้เบี้ยเป็นจำนวนเฉพาะ

    แสดงว่าเหตุการณ์ที่เราสนใจคือหยิบได้เบี้ยที่เป็นจำนวนเฉพาะก็คือ

    \(E=\{3,7,11\}\)    ซึ่ง    \(n(E)=3\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะหยิบได้เบี้ยเป็นจำนวนเฉพาะคือ

    \(P(E)=\frac{n(E)}{n(s)}=\frac{3}{6}=\frac{1}{2}\)

    3) จงหาโอกาสที่จะหยิบได้เบี้ยที่เป็นจำนวนที่หารด้วย 3 ลงตัว

    แสดงว่าเหตุการณ์ที่เราสนใจคือเบี้ยที่มีหมายที่หารด้วย 3 ลงตัวก็คือ

    \(E=\{3,9\}\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะหยิบได้เบี้ยที่เป็นจำนวนที่หารด้วย 3 ลงตัวคือ

    \(P(E)=\frac{n(E)}{n(S)}=\frac{2}{6}=\frac{1}{3}\)

    4) จงหาโอกาสที่จะหยิบได้เบี้ยที่เป็นจำนวนที่กำลังสองสมบูณร์  จำนวนเป็นเป็นกำลังสองสมบูรณ์คือจำนวนที่สามารถเขียนให้อยู่ในรูปของ \(n^{2}\)    เมื่อ n เป็นจำนวนนับ นั่นคือเราจะได้ว่าเบี้ยที่เป็นกำลังสองสมบูรณ์ก็คือ  4 กับ 9    เพราะ  \(4=2^{2},9=3^{2}\)

    \(E=\{3,9\}\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะหยิบได้เบี้ยที่เป็นกำลังสองสมบูรณ์คือ

    \(P(E)=\frac{n(E)}{n(s)}=\frac{2}{6}=\frac{1}{3}\)


    4.ในกล่องใบหนึ่งมีหลอดไฟอยู่ 5 หลอด ในจำนวนนี้มีหลอดดีอยู่ 3 หลอด และหลอดเสียอยู่ 2 หลอด ถ้าหยิบหลอดไฟฟ้าขึ้นมา 2 หลอด อย่างไม่เจาะจง จงหาความน่าจะเป็นที่จะได้หลอดเสีย 1 หลอด และหลอดดี 1 หลอด

    วิธีทำ ข้อนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตาสี ตาสาไม่เคยเรียนหนังสือก็ทำได้  มีหลอดไฟ 5 หลอด

    เป็นหลอดดี 3 หลอด ผมกำหนดให้

    L1   เป็นหลอดดีดวงที่ 1

    L2   เป็นหลอดดีดวงที่ 2

    L3   เป็นหลอดดีดวงที่ 3

    เป็นหลอดเสีย 2 หลอด และกำหนดให้

    M1  เป็นหลอดเสียดวงที่ 1

    M2  เป็นหลอดเสียดวงที่ 2

    ดังนั้นสุ่มหยิบแบบไม่เจาะจงขึ้นมา 2 หลอดจะได้จำนวนวิธีทั้งหมดดังนี้

    \(S=\{(L1L2),(L1L3),(L1M1),(L1M2),(L2L3),(L2M1)\\,(L2M2),(L3M1),(L3M2),(M1M2) \}\)    ซึ่งก็คือเราจะได้จำนวนวิธีในการสุ่มหยิบหลอดขึ้นมาที่แตกต่างกันทั้งหมด 10 วิธี นั่นคือ

    \(n(S)=10\)

    แต่โจทย์บอกว่าจงหาความน่าจะเป็นที่จะได้หลอดเสีย 1 หลอด และหลอดดี 1 หลอด

    ดังนั้นเหตุการณ์ที่เราสนใจก็คือ

    \(E=\{(L1M1),(L1M2),(L2M1),\\(L2M2),(L3M1),(L3M2)\}\)   นั่นก็คือ

    \(n(E)=6\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะได้หลอดเสีย 1 หลอด และหลอดดี 1 หลอด คือ

    \(P(E)=\frac{n(E)}{n(S)}=\frac{6}{10}=\frac{3}{5}\)


    5.กล่องใบหนึ่งมีลูกบอลสีขาว 3 ลูก สีแดง 2 ลูก สุ่มหยิบลูกบอล 2 ลูกพร้อมกัน จงหาความน่าจะเป็นที่จะได้ลูกบอลสีต่างกัน

    วิธีทำ ลูกบอลสีขาวมี 3 ลูก

    กำหนดให้

    \(w_{1}\) คือลูกบอลสีขาวลูกที่ 1

    \(w_{2}\) คือลูกบอลสีขาวลูกที่ 2

    \(w_{3}\) คือลูกบอลสีขาวลูกที่ 3

    \(r_{1}\) คือลูกบอลสีแดงลูกที่ 1

    \(r_{2}\) คือลูกบอลสีแดงลูกที่ 2

    สุ่มหยิบลูกบอลพร้อมกันก็จะได้แซมเปิลสเปซดังนี้

    \(S=\{w_{1}w_{2},w_{1}w_{3},w_{1}r_{1},w_{1}r_{2},w_{2}w_{3},w_{2}r_{1},w_{2}r_{2},w_{3}r_{1},w_{3}r_{2},r_{1}r_{2}\}\)

    \(n(S)=10\)

    ให้ \(E\) เป็นเหตุการณ์ที่หยิบออกมาแล้วลูกบอลสีต่างกันจะได้ว่า

    \(E=\{w_{1}r_{1},w_{1}r_{2},w_{2}r_{1},w_{2}r_{2},w_{3}r_{1},w_{3}r_{2}\}\)

    \(n(E)=6\)

    นั่นคือความน่าจะเป็นที่สุ่มหยิบออกมาแล้วได้ลูกบอลสีต่างกันคือ

    \(P(E)=\frac{6}{10}=\frac{3}{5}\)


    6.โยนลูกเต๋า 2 ลูก เหรียญ 2 เหรียญพร้อมๆกัน ความน่าจะเป็นที่ลูกเต่าทั้ง 2 ลูก ขึ้นหน้าตรงกันและเหรียญขึ้นหน้าต่างกันเท่ากับเท่าใด

    วิธีทำ  โยนลูกเต๋า 2 ลูก เหรียญ 2 เหรียญพร้อมๆกัน ดังนั้นจำนวนเหตูการณ์ทั้งหมดที่เป็นไปได้คือ

    \(n(S)=6\times 6\times 2\times 2=144\)

    สนใจเหตุการณ์ที่ลูกเต่าทั้ง 2 ลูก ขึ้นหน้าตรงกันและเหรียญขึ้นหน้าต่างกัน นั่นคือสนใจอันนี้

    (1,1,T,H),(1,1,H,T)

    (2,2,T,H),(2,2,H,T)

    (3,3,T,H),(3,3,H,T)

    (4,4,T,H),(4,4,H,T)

    (5,5,T,H),(5,5,H,T)

    (6,6,T,H),(6,6,H,T)

    นั่นคือ \(n(E)=12\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่ลูกเต๋าขี้นแต้มตรงกันและเหรียญขึ้นหน้าต่างกันเท่ากับ

    \(P(E)=\frac{12}{144}=\frac{1}{12}\)


    7.ความน่าจะเป็นที่จะได้จำนวนน้อยกว่า 200 จากการจัดเลขโดด 3 ตัวคือ 1,2,3 และแต่ละหลักเลขโดดต้องไม่ซ้ำกัน  เป็นเท่าใด

    วิธีทำ  หาแซมเปิลสเปซก่อนครับ แซมเปิลสเปซในที่นี้ก็คือ จำนวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดจากการนำเลขโดด 1,2,3 มาจัดให้เป็นจำนวนต่างๆที่เป็นไปได้ทั้งหมดโดยเลขโดดไม่ซ้ำกัน เริ่มหากันเลย แบ่งกรณีในการหาครับ

    กรณี 1 นำเลขโดด 1,2,3 มาจัดเป็นจำนวน 1 หลักได้

    3 จำนวนคือ 1,2,3

    กรณี 2 นำเลขโดด 1,2,3 มาจัดเป็นจำนวน 2 หลักได้

    6จำนวนคือ 12,13,23,21,31,32

    กรณี 3 นำเลขโดด 1,2,3 มาจัดเป็นจำนวน 3 หลักได้

    6 จำนวนคือ 123,132,213,231,312,321 สามารถใช้กฎการคูณคิดได้นะ

    ดังนั้นใช้เลขโดด 3 ตัวคือ 1,2,3 มาสร้างจำนวนได้ทั้งหมด 3+6+6=15 จำนวน 

    นั่นคือ \(n(S)=15\)

    ต่อไปเหตุการที่เราสนใจคือเหตุการณ์จำนวนที่สร้างขึ้นมานั้นเป็นจำนวนที่น้อยกว่า 200 จะแบ่งกรณีในการคิดเป็นดังนี้

    กรณี 1 เลขโดดหนึ่งหลักที่น้อยกว่า 200 

    ก็จะมี 3 จำนวนคือเลข 1,2 และ 3

    กรณี 2 เลขโดดสองหลักที่น้อยกว่า 200 

    ก็จะมี 6 จำนวนคือ เลข  12,13,23,21,31,32 ใช้กฎการคูณคิดก็ได้ครับ

    กรณี 3  เลขโดดสามหลักที่น้อยกว่า 200 

    ก็จะมี 2 จำนวนคือเลข 123,132

    ดังนั้นใช้เลขโดด 3 ตัวคือ 1,2,3 มาสร้างจำนวนที่น้อยกว่า 200 ได้เท่ากับ 3+6+2=11 จำนวน 

    นั่นคือ \(n(E)=11\)

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะได้จำนวนน้อยกว่า 200 คือ \(\frac{11}{15}\)

    นี่คือตัวอย่างการหาค่าความน่าจะเป็นที่ยังไม่ยากเท่าไรครับสามารถฝึกทำโจทย์เพิ่มเติมที่ลิงค์นี้ครับโจทย์ความน่าจะเป็น ม.5

    เรื่องนี้มีคลิปให้ดูด้วยครับตามด้านล่างเลย

  • โจทย์ความน่าจะเป็น ม.5

    ความน่าจะเป็น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่ถ้าเราหัดทำโจทย์บ่อยๆเราก็จะเข้าใจและทำได้ ไม่ยากนัก วันนี้

    ผมจะรวบรวมโจทย์ความน่าจะเป็นที่ไม่ยากไป ไม่ง่ายไปมายกตัวอย่างให้ผู้สนใจลองอ่านทำความเข้าใจกันดูคับ

    1. มีคน 10 คน ซึ่งใน 10 คนนี้ มีปารมีและภูผารวมอยู่ด้วย ถ้าจัดคน 10 คน นั่งเป็นวงกลม จงหาความน่าจะเป็นที่ปารมีและภูผาจะนั่งติดกัน

    วิธีทำ  ทบทวนสูตรในการหาค่าความน่าจะเป็นก่อน   \(P(E)=\frac{n(E)}{n(S)}\)

    n(S)  คือ จำนวนวิธีทั้งหมดที่จะจัดคน 10 คนนั่งเป็นวงกลม

    n(E)  คือ จำนวนวิธีจัดคนนั่งเป็นวงกลมโดยที่ปารมีและภูผาจะต้องนั่งติดกัน

    ดังนั้น

    n(S)=(10-1)!=9!    จัดของเป็นวงกลมใช้สูตร (n-1)!

    n(E)= (9-1)! 2!=8!2!  แนวคิดคือจับปารมีและภูผามัดรวมกันเป็นหนึ่งมัดเดียวกัน ฉนั้นจะเหลือสิ่งของ 9 สิ่งมาจัดเป็นวงกลมได้ (9-1)! วิธี และปารมี กับ ภูผา สามารถนำมาสลับที่กันอีกสองวิธีหรือก็คือ 2! นั่นเอง

    ดังนั้นข้อนี้ตอบ

    \(P(E)=\frac{8!2!}{9!}\)=\(\frac{2}{9}\)

    ความน่าจะเป็นที่ปารมีและภูผาจะนั่งติดกันคือ \(\frac{2}{9}\)


    2.กล่องใบหนึ่งมีบัตร 5 ใบ ซึ่งเขียนหมายเลข 1,2,3,4,5 กำกับไว้ ถ้าหยิบบัตรจากกล่องใบนี้พร้อมกัน 3 ใบ จงหาความน่าจะเป็นที่ผลรวมของแต้มบนบัตรมากกว่า 10

    วิธีทำ 

    n(S) คือ จำนวนวิธีทั้งหมดในการหยิบบัตร 5 ใบโดยหยิบพร้อมกันครั้งละ 3 ใบ ดังนั้น

    \(n(S)=C_{5,3}=\frac{5!}{(5-3)!3!}=10\)

    n(E) คือ จำนวนวิธีที่บัตร 3 ใบที่หยิบมาพร้อมกันผมรวมของหมายเลขในบัตรมากกว่า 10 ดังนั้น

    n(E)={(3,4,5) ,(4,5,2)}=2

    ดังนั้นข้อนี้ตอบ

    \(P(E)=\frac{2}{10}=\frac{1}{5}\)

    ความน่าจะเป็นที่ผลรวมของแต้มมากกว่า 10 คือ \(\frac{1}{5}\)


    3.นักเรียนชาย 4 คน นักเรียนหญิง 4 คน ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน จงหาความน่าจะเป็นที่นักเรียนชายและนักเรียนหญิงจะยื้นสลับกัน

    วิธีทำ 

    n(S) คือ จำนวนวิธีจัดคน 8 คนยืนสลับที่กัน

    n(S)=8!

    n(E)  คือ จำนวนวิธีจัดคนให้ยืนโดยที่หญิง ชาย ยืนสลับกัน

    n(E)=4!4!2

    ดังนั้นข้อนี้ตอบ

    \(P(E)=\frac{4!4!2}{8!}\)


    4.กล่องใบหนึ่งมีลูกแก้วขนาดเดียวกัน 13 ลูก เป็นสีแดง 6 ลูก สีขาว 4 ลูก และสีเหลือง 3 ลูก โดยที่ลูกแก้วทุกลูกแตกต่างกัน ถ้าสุ่มหยิบลูกแก้วออกมา 3 ลูก จงหาความน่าจะเป็นที่จะได้ลูกแก้วสีต่างกันทั้ง 3 ลูก

    วิธีทำ

    \(n(S)=\binom{13}{3}=\frac{13!}{(13-3)!3!}=286\)

    \(n(E)=\binom{6}{1}\binom{4}{1}\binom{3}{1}=72\)

    \(P(E)=\frac{72}{286}\) 


    5.ชายคนหนึ่งมีเสื้ออยู่ 5 ตัว เป็นเสื้อสีขาว 3 ตัว สีฟ้า 2 ตัว และมีกางเกงขายาว 4 ตัว เป็นกาเกงสีขาว 1 ตัว สีเทา 3 ตัว ถ้าชายคนนี้แต่งตัวออกจากบ้านโดยไม่เจาะจงแล้ว จงหาความน่าจะเป็นที่ชายคนนี้จะสวมเสื้อและกางเกงสีต่างกัน

    วิธีทำ 

    n(S) คือจำนวนวิธีในการแต่งตัวทั้งหมด มีเสื้อให้เลือก 5  ตัว และมีกางเกงให้เลือก  4 ตัว ดังนั้นจำนวนวิธีในการแต่งตัวมีทั้งหมดคือ \(5\times 4 =20 \)  วิธี  อันนี้ใช้กฎการคูณในการคิด

    นั่นคือ  n(S)=20

    n(E) คือจำนวนวิธีที่ชายคนนี้แต่งตัวโดยเสื้อและกางเกงสีต่างกัน จะแบ่งการคิดออกเป็น 2 กรณี

    กรณี 1  คือชายคนนี้แต่งตัวโดยใส่เสื้อสีขาว

    เพราะฉะนั้นเขาเลือกใส่เสื้อได้ 3  วิธีแต่กางเกงเขาห้ามเป็นสีขาวฉนั้นเขาต้องใส่กางเกงเทาเลือกได้ 3 วิธีเพราะกางเกงสีเทามีสามตัว จำนวนวิธีทั้งหมดในการแต่งตัวแบบนี้คือ  \(3\times 3=9\)

    กรณี 2  คือชายคนนี้แต่งตัวโดยใส่เสื้อสีฟ้า

    เพราะฉะนั้นเขาเลือกใส่เสื้อได้ 2 วิธีและกางเกงเขาใส่กางเกงสีขาวก็ได้ สีเทาก็ได้ทำได้ 4 วิธีเพราะฉะนั้นจำนวนวิธีในการแต่งตัวแบบนี้คือ \( 2\times 4=8\)

    ดังนั้น n(E)=9+8=17

    ความน่าจะเป็นที่ชายคนนี้จะสวมเสื้อและกางเกงสีต่างกันคือ \(P(E)=\frac{17}{20}\)


    6.ตะกร้าใบหนึ่งมีส้ม มังคุดและมะม่วงรวมกัน 10 ลูก โดยที่จำนวนส้มเป็นสองเท่าของจำนวนมังคุดและมีมะม่วง 1 ลูก โดยที่ผลไม้ทุกลูกแตกต่างกัน ถ้าหยิบผลไม้อย่างไม่เจาะจงจากตะกร้าใบนี้จำนวน 3 ลูก จงหาความน่าจะเป็นที่จะหยิบได้ผลไม้ชนิดละ 1 ลูก

    วิธีทำ  มะม่วงมีจำนวน 1 ลูก มังคุดไม่รู้มีกี่ลูกให้มังคุดมีจำนวน x ลูก ฉะนั้นส้มมีจำนวนเป็น 2x

    ผลไม้รวมกันมีจำนวน 10 ลูก จะได้ว่า 1+x+2x=10  , x=3 นั่นคือมังคุดมีจำนวน 3 ลูก ส้ม 6ลูก

    จึงได้ว่า

    \(n(S)=\binom{10}{3}=240\)

    \(n(E)=\binom{1}{1}\binom{3}{1}\binom{6}{1}=18\)

    ความน่าจะเป็นที่จะหยิบได้ผลไม้ชนิดละหนึ่งลูก คือ \(P(E)=\frac{18}{240}=\frac{3}{40}\) 


    7.ถ้าความน่าจะเป็นที่นายธงชัยจะสอบผ่านวิชาคณิตศาสตร์และวิชาภาษาอังกฤษเป็น 0.6 และ 0.5 ตามลำดับ และความน่าจะเป็นที่จะผ่านอย่างน้อย 1 วิชา เป็น 0.8 จงหาความน่าจะเป็นที่นายธงชัยจะสอบผ่านทั้งสองวิชานี้

    วิธีทำ ถ้าวาดแผนภาพเวน-ออยเลอร์ช่วยจะดูง่ายนะข้อนี้

    ให้ x คือความน่าจะเป็นที่นายธงชัยสอบผ่านทั้งสองวิชาดังนั้นจะได้ตามรูป

    โจทย์บอกว่าความน่าจะเป็นที่จะสอบผ่านอย่างน้อย 1 วิชา คือ 0.8 ความหมายของประโยคนี้คือสอบผ่านหนึ่งวิชาก็ได้หรือสอบผ่านทั้งสองวิชาก็ได้ ดังนั้นเราจึงได้ว่า

    (0.6-x)+x+(0.5-x)=0.8

    1.1-x=0.8

          x=0.3

    นั่นก็คือความน่าจะเป็นที่นายธงชัยจะสอบผ่านทั้งสองวิชาคือ 0.3  นั่นเอง

    8.มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งจำนวน 120 คน ในจำนวนนี้พบว่ามีนักเรียนทีี่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ 60 คน มีนักเรียนที่ชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษจำนวน 50 คน และมีนักเรียนที่ชอบเรียนทั้งสองวิชา 20 คน ถ้าสุ่มเลือกนักเรียนจากกลุ่มนี้มา 1 คน แล้วจงหาความน่าจะเป็นที่นักเรียนคนที่เลือกมาจะ

    1) ชอบเรียนอย่างน้อย 1 วิชา

    2) ไม่ชอบเรียนทั้งสองวิชา

    3) ชอบเรียนคณิตศาสตร์แต่ไม่ชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ

    วิธีทำ วาดแผนภาพเวน-ออย์เลอร์  เหมือนข้อที่ผ่านมา จะได้

    จากโจทย์จะได้ว่าชอบเรียนคณิตศาสตร์อย่างเดียว 40 คน

    ชอบเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว 30 คน

    ชอบเรียนทั้งวิชาคณิตและอังกฤษจำนวน 20 คน

    ดังนั้นมีคนที่รักในการเรียนทั้งหมด 40+30+20=90 คน แต่นักเรียนมีทั้งหมด 120 คน ดังนั้นจะได้ว่ามีนักเรียนจำนวน 120-90=30 คนที่ไม่ชอบเรียนวิชาอะไรเลยถ้าดูจากแผนภาพก็คือตัวเลขที่อยู่ข้างนอกวงกลมนั่นเอง

    1)ความน่าจะเป็นที่สุ่มนักเรียนมา 1 คนแล้วชอบเรียนอย่างน้อยหนึ่งวิชาคือ

    ต้องเข้าใจคำว่าชอบเรียนอย่างน้อยหนึ่งวิชาก่อนนะครับก็คือชอบเรียนหนึ่งวิชาก็ได้ชอบเรียนสองวิชาก็ได้หรือชอบเรียนทั้งสองวิชาก็ได้ นั้นคือมีจำนวน 40+30+20=90 คน นั่นเอง

    ดังนั้นความน่าจะเป็นสุ่มนักเรียนมา 1 คนแล้วนักเรียนที่สุ่มเลือกมาชอบเรียนอย่างน้อย 1 วิชาเท่ากับ

    \(P(E)=\frac{90}{120}=\frac{3}{4}\)

    2)ความน่าจะเป็นที่สุ่มนักเรียนมา 1 คนแล้วไม่ชอบเรียนทั้งสองวิชา

    คนที่ชอบเรียนทั้งสองวิชามี 20 คนนะคับ ดังนั้นข้อนี้ตอบ

    \(P(E)=\frac{30}{120}=\frac{1}{4}\)

    3)ความน่าจะเป็นที่สุ่มนักเรียนมา 1 คนแล้วชอบเรียนคณิตศาสตร์แต่ไม่ชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ

    ก็คือชอบเรียนคณิตศาสตร์อย่างเดียว \(P(E)=\frac{40}{120}=\frac{1}{3}\)


    9. บ่อปลาแห่งหนึ่งเป็นรูปวงกลม อนุญาตให้เข้าตกปลาได้ครั้งละ 4 คน โดยให้นั่งอยู่รอบบ่อ ถ้าครอบครัวหนึ่งมากัน 7 คน ความน่าจะเป็นที่ผู้เข้าตกปลาครั้งหนึ่งๆจะมีพ่อและแม่รวมอยู่ด้วยเสมอเท่ากับเท่าใด

    วิธีทำ ถ้าเราเห็นโจทย์ที่มีลักษณะจัดอะไรสักอย่างรอบบ่อหรืออะไรก็ตามที่เป็นวงกลมรำลึกไว้เลยว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับการเรียงสับเปลี่ยนเชิงวงกลมแน่ไปอ่านให้เข้าใจก่อนนะครับ

    ข้อนี้เขาให้หา ความน่าจะเป็นที่ผู้เข้าตกปลาครั้งหนึ่งๆจะมีพ่อและแม่รวมอยู่ด้วยเสมอ

    ดังนั้น  

    \(n(S)\)  ของข้อนี้คือจำนวนวิธีทั้งหมดในการจัดคน 4 คนจากทั้งหมด 7 คนไปนั่งตกปลารอบบ่อ เอาละต่อไปเราจะเริ่มหา \(n(S)\) กันเลยครับ

    จำนวนวิธีในการเลือกคน 4 คนจากทั้งหมด 7 คนจะเท่ากับ \(C_{7,4}=35\) วิธี  และเลือกแต่ละวิธีในจำนวนทั้งหมด 35 วิธีไปจัดนั่งตกปลารอบบ่อจะได้จำนวนวิธีทั้งสิ้น \(35(3!)\)  งงไหมเอ่ยถ้างงดูนี่

    วิธีที่ 1 จัดคน 4 คนนั่งรอบบ่อได้ 3! วิธี

    วิธีที่ 2 จัดคน 4 คนนั่งรอบบ่อได้ 3! วิธี

    ...   ....   ....   ....   ....   ....   ....

    วิธีที่ 35 จัดคน 4 คนนั่งรอบบ่อได้ 3! วิธี เช่นกัน

    ดังนั้นจำนวนวิธีนั่งการเลือกคน 4 คนจาก 7 คนมานั่งตกปลารอบบ่อมีจำนวนทั้งสิ้น \(35(3!)\)  วิธี

    ต่อไปหา \(n(E)\)  ก็คือหาจำนวนวิธีที่การตกปลาครั้งหนึ่งจะมีพ่อและแม่รวมอยู่ด้วยเสมอ

    การคิดอันนี้ก็คือใช้หลักการง่ายๆครับมัดให้พ่อกับแม่อยู่รวมกันจากที่มีคนอยู่ 7 คน พ่อกับแม่มัดรวมกันเป็นมัดเดียวกันก็คือเป็นคนคนเดียวกันแล้วครับจะได้ว่ามีคนมาตกปลาเพียง 6 คนนั่นเองครับ ฉะนั้นจำนวนวิธีในการเลือกคน 4 คนจากทั้งหมด 6 คนเท่ากับ \(C_{6,4}=15\)  วิธี และในแต่ละวิธีใน 15 วิธีนำไปจัดให้นั่งตกปลารอบบ่อจะได้จำนวนวิธีทั้งหมด \(15(3!)\) วิธี 

    ฉะนั้นจำนวนวิธีการนั่งตกปลาที่มีพ่อและแม่รวมอยู่ด้วยเท่ากับ \(15(3!)\) วิธี

    ดังนั้น  ความน่าจะเป็นที่ผู้เข้าตกปลาครั้งหนึ่งๆจะมีพ่อและแม่รวมอยู่ด้วยเสมอคือ

    \(\frac{15(3!)}{35(3!)}=\frac{3}{7}\)  นั่นเองครับ


    10. กล่องใบหนึ่งมีลูกบอลสีขาว 4 ลูก สีแดง 5 ลูก โดยลูกบอลทั้ง 9 ลูกมีขนาดและลัษณะเหมือนกัน สุ่มหยิบลูกบอลจากกล่องใบนี้ 3 ลูก ความน่าจะเป็นที่จะได้ลูกบอลสีขาวอย่างมาก 2 ลูกมีค่าเท่าใด

    วิธีทำ โจทย์แบบนี้กก็คือพวกหยิบลูกบอลสีต่างๆถือว่าเป็นโจทย์ยอดฮิตเลยทีเดียวครับเป็นโจทย์ที่ครูเขาชอบเอาไปออกข้อสอบครับแต่ไม่ยากผมจะทำให้ดูแล้วพวกเราก็สามารถนำไปขยายต่อยอดได้ครับ

    โจทย์บอกว่าสุ่มหยิบลูกบอลจากกล่องใบนี้ 3 ลูกแสดงว่า

    \(n(S)\)  คือจำนวนวิธีทั้งหมดในการสุ่มหยิบลูกบอล 3 ลูกจากลูกบอลทั้งหมด 9 ลูกจะได้ว่า

    \(n(S)=C_{9,3}=\frac{9!}{6!3!}=84\)  วิธี

    ส่วน \(n(E)\)  คือจำนวนวิธีในการหยิบได้ลูกบอลสีขาวอย่างมาก 2 ลูก อันนี้ต้องแยกคิดครับคำว่าหยิบได้อย่างมาก 2 ลูกความหมายก็คือหยิบได้ไม่เกิน 2 ลูกนั่นเองครับ ดังนั้น

    กรณีที่ 1 กรณีที่หยิบได้ลูกบอลสีขาว 1 ลูก จะได้จำนวนวิธีทั้งหมดคือ

    \(C_{4,1}\times C_{5,2}=40\) วิธี  ความหมายของบรรทัดนี้ก็คือหยิบสีขาวมา 1 ลูกจากทั้งหมด 4 ลูกแล้วไปหยิบสีแดงอีก 2 ลูกจากทั้งหมด 5 ลูก

    กรณีที่ 2 กรณีที่หยิบได้ลูกบอลสีขาว 2 ลูก จะได้จำนวนวิธีทั้งหมดคือ

    \(C_{4,2}\times C_{5,1}=30\) วิธี 

    กรณีที่ 3  กรณีที่หยิบไม่ได้ลูกบอลสีขาวเลย นั้นก็คือหยิบได้ลูกบอลสีแดงทั้งหมดคือ

    \(C_{5,3}=10\)  วิธี

    ดังนั้นในการหยิบจำนวนวิธีหยิบได้ลูกบอลได้เกิน 2 ลูกจะเท่ากับ \(40+30+10=80\) วิธี

    ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะได้ลูกบอลสีขาวอย่างมาก 2 ลูกมีค่าเท่ากับ\(\frac{80}{84}=\frac{20}{21}\)


    สามารถฝึกทำโจทย์ความน่าจะเป็นเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ต่อได้เลยครับฝึกทำโจทย์ความน่าจะเป็น ม.5